Corgi

Tutor Eng

1. Situation : A secretary is talking to a caller.
          Caller : This is Jim Smith. Can I speak to Mr. Johnson, please?
          Secretary :....A
          Caller: .....B
          Secretary: I’ll tell him as soon as I see him.
        
          A. 1. Pardon me. I don’t know him.
               2. Can you talk to him now?
               3. I’m afraid he’s just gone out.
               4. Sorry. He doesn’t want to speak to you.

           B. 1. Could I hold on?
                2. Can you call me later?
                3. Can you ask him to return my call?
                4. Could I return his call later?


1. สถานการณ์ เลขานุการกำลังสนทนากับผู้ที่โทรศัพท์เข้ามา
คำตอบข้อ A คือ 3
คำตอบข้อ B คือ 3
โจทย์ข้อ A เป็นคำตอบที่เลขานุการตอบคำถามของจิม สมิทธิ์ ที่จะขอพูดสายกับคุณจอห์นสัน
ข้อ 1 เป็นการขอโทษและบอกว่าไม่รู้จัก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เลขานุการจะไม่รู้จักเจ้านาย ประโยค “Pardon
me.” มักใช้ในสถานการณ์ดังนี้คือ 1. ขอโทษในขณะที่ทำผิด 2. ก่อนที่จะเสนอข้อคิดเห็นแย้งใน
ระหว่างที่สนทนากัน 3. ขอให้คู่สนทนาพูดซ้ำอีกเมี่อฟังคำพูดของคู่สนทนาไม่ชัดเจน ข้อนี้จึงไม่ถูกเพราะ
การใช้คำที่ผิดและเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก
ข้อ 2 เป็นการถามกลับว่าจิม สมิทธิ์ จะพูดกับท่านเดี๋ยวนี้ได้ไหม ซึ่งไม่ได้เป็นการตอบรับสิ่งที่จิมถาม
และนอกจากนี้ยังไม่สอดคล้องกับบทสนทนาที่ให้ไว้ ข้อนี้จึงไม่ใช่ข้อที่ถูก
ข้อ 3 เป็นการตอบของเลขานุการว่า เกรงว่าท่าน (คุณจอห์นสัน) เพิ่งออกไป ข้อนี้เป็นข้อที่ถูกเพราะเป็น
ข้อที่ตอบคำถามที่ตรงที่สุด
ข้อ 4 เป็นการแสดงการขอโทษ / เสียใจ และบอกว่าท่าน (คุณจอห์นสัน) ไม่ต้องการพูดกับคุณ (จิม
สมิทธิ์) ทั้ง ๆ ทื่เจ้านายยังไม่ทราบเลยว่ามีคนโทรศัพท์มาหา ข้อนี้จึงไม่ใช่ข้อที่ถูกเพราะไม่สมเหตุสมผล
โจทย์ข้อ B เป็นการขอร้องของจิม สมิทธิ์ ซึ่งต้องสอดคล้องกับคำตอบรับของเลขานุการที่บอกว่า “ดิฉัน
จะเรียนให้ท่านทราบทันทีที่เห็นท่าน”
ข้อ 1 บอกว่า ผมจะถือสายรอได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะจิมทราบแล้วว่าเขาไม่อยู่
ข้อ 2 บอกว่า คุณจะโทรมาหาผมภายหลังได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะจิมต้องการพูดกับคุณจอห์นสัน ไม่
ได้ต้องการพูดกับเลขานุการ
ข้อ 3 บอกว่า คุณช่วยขอให้ท่านโทรกลับมาหาผมได้ไหม ข้อนี้ถูกเพราะสอดคล้องกับคำตอบรับของ
เลขานุการ
ข้อ 4 บอกว่า ผมจะโทรตอบกลับไปหาท่านภายหลังได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะคุณจอห์นสันไม่ได้โทรหา


2. Situation : Sunisa, a Thai student, just got off the plane at Heathrow Airport
                     in London and is asking an official on duty for help.

                  Sunisa: Excuse me,  A  the Thai Embassy?
                  Official: B
                  Sunisa: Thank you very much.

A. 1. could you tell me how to get to
     2. would you kindly take me to
     3. did this coach normally stop at
     4. do you know when this bus stops at
B. 1. Our taxi drivers are very helpful and polite.
     2. It won’t take long to get there.
     3. You can buy a ticket on the bus.
     4. That coach will take you there.



2. สถานการณ์ สุนิสาซึ่งเป็นนักเรียนไทยเพิ่งลงจากเครื่องบินที่สนามบินฮีทโรว์ในลอนดอน
กำลังขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่
คำตอบข้อ A คือ 1
คำตอบข้อ B คือ 4
โจทย์ข้อ A เป็นคำถามที่สุนิสาถามเกี่ยวกับสถานทูตไทย คำถามที่สมเหตุสมผลที่สุดก็ต้อง
เกี่ยวกับวิธีการไป
ข้อ 1 บอกว่า คุณช่วยบอกฉันได้ไหมว่าจะไปสถานทูตไทยได้อย่างไร เป็นข้อที่ถูก เพราะจะ
สอดคล้องกับคำตอบของเจ้าหน้าที่ในบทสนทนา
ข้อ 2 บอกว่า คุณช่วยกรุณาพาฉันไปสถานทูตไทยได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่
ใครจะขอให้เจ้าหน้าที่พาไป
ข้อ 3 บอกว่า รถยนต์โดยสารทางไกลคันนี้ปกติแล้วเคยจอดที่สถานทูตไทยใช่ไหม ข้อนี้ไม่ถูก
เพราะไม่สมเหตุสมผลที่สุนิสาจะต้องไปถามเจ้าหน้าที่
ข้อ 4 บอกว่า คุณทราบไหมว่าเมื่อไหร่ที่รถประจำทางคันนี้จอดที่สถานทูตไทย ข้อนี้ไม่ถูก
เพราะไม่สมเหตุสมผลเช่นกัน
โจทย์ข้อ B เป็นคำตอบที่เจ้าหน้าที่ตอบคำถามของสุนิสาเกี่ยวกับการไปสถานทูตไทย
ข้อ 1 บอกว่า คนขับแท็กซี่ของเราชอบช่วยเหลือและสุภาพเรียบร้อย ข้อนี้ไม่ถูก เพราะไม่
เกี่ยวกับการไปสถานทูตเลย และไม่สอดคล้องกับคำพูดของสุนิสาที่ถามมา
ข้อ 2 บอกว่า มันไม่ต้องใช้เวลามากที่ไปที่นั่น ข้อนี้ไม่ถูกเพราะสุนิสาไม่ได้ถามว่าสถานทูต
อยู่ใกล้หรือไกล
ข้อ 3 บอกว่า คุณสามารถซื้อตั๋วได้บนรถประจำทาง ข้อนี้ไม่ถูก เพราะไม่ได้ตอบคำถามของ
สุนิสา
ข้อ 4 บอกว่า รถโดยสารที่วิ่งทางไกลคันนั้นจะพาคุณไปที่นั่น ข้อนี้ถูก เพราะตอบคำถาม
โดยให้ข้อมูลว่าจะไปถึงสถานทูตได้อย่างไร


  3. Situation : Prasert is trying to talk Tom into going to a football match with him.
Tom : My favorite football team from England is playing
           against the Thai National team this Sunday. I really
            want to go, but A
Prasert : Oh, come on. Go with me. B

A. 1. I’m sure I’ll enjoy it.
     2. it’s too late for me to go.
     3. all the tickets are sold out.
     4. my assignment is due on Monday.

B. 1. Don’t you like football?
     2. You shouldn’t hand in the work late.
     3. There won’t be another match like this.
     4. We shouldn’t pay anything extra for tickets.

  3. สถานการณ์ ประเสริฐพยายามพูดชักชวนทอม ให้ไปดูการแข่งขันฟุตบอลกับเขา
ทอม : ทีมฟุตบอลจากอังกฤษที่ผมชอบ จะมาเล่นกับทีมชาติไทยวันอาทิตย์นี้
ผมอยากไปดูจริงๆ แต่ A
ประเสริฐ : โธ่ ไปกับผมเถอะ B
คำตอบข้อ A คือ 4
คำตอบข้อ B คือ 3
โจทย์ข้อ A คำตอบที่ถูกต้องแย้งกับข้อความที่มาข้างหน้า เนื่องจากมี but เป็นตัวเชื่อม
ข้อ 1 บอกว่า ผมมั่นใจว่าผมจะสนุกกับการแข่งขัน ข้อนี้ไม่ถูก เพราะความหมายสอดคล้อง
กับประโยคที่มาก่อน
ข้อ 2 บอกว่า มันสายไปแล้วที่ผมจะไป ข้อนี้ไม่ถูกเพราะยังไม่ทันถึงวันแข่งขัน
ข้อ 3 บอกว่า ตั๋วขายหมดแล้ว ข้อนี้ก็ไม่ถูก ถึงแม้ว่าจะเป็นการแย้งกับประโยคที่มาก่อนก็
ตาม แต่เนื้อหาไม่สอดคล้องกับประโยคสุดท้ายที่ประเสริฐพูด
ข้อ 4 บอกว่า การบ้านของผมถึงกำหนดส่งวันจันทร์ ข้อนี้ถูกเพราะว่าให้ข้อมูลแย้งว่าไปไม่ได้
เพราะอะไร
โจทย์ข้อ B คำตอบที่ถูกจะต้องเป็นคำพูดของประเสริฐที่ขยั้นขยอให้ทอมไปกับเขา
ข้อ 1 บอกว่า คุณไม่ชอบฟุตบอลหรอกหรือ ข้อนี้ไม่ถูก เพราะเป็นการย้อนถามทั้งๆ ที่ทราบ
อยู่แล้วว่าเขาชอบ
ข้อ 2 บอกว่า คุณไม่ควรส่งงานช้า ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ได้เป็นการชวนแต่เป็นการ
ห้ามปรามเสียด้วยช้ำ
ข้อ 3 บอกว่า จะไม่มีการแข่งขันอื่นที่จะเหมือนครั้งนี้ ข้อนี้ถูก เพราะเป็นการโน้มน้าว
ชักชวนให้ทอมไปให้ได้
ข้อ 4 บอกว่า ไม่ควรจ่ายค่าตั๋วเพิ่ม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่สอดคล้องกับบทสนทนา และ
ไม่ได้เป็นการชักชวน แต่เป็นการห้าม

 4. Situation : Miss Jones, an American tourist, is telling her friend, Tommy,
about her problem.
               Miss Jones : Tommy, my bag was stolen, and A
               Tommy: B Do you know when it happened?
               Miss Jones: I just realized it a moment ago.
A. 1. I lost my passport and all my money.
     2. I should have brought my bag with me.
     3. I wonder where I can find my belongings.
     4. I don’t remember where I kept my passport.
B. 1. What’s the matter?
     2. How shameful!
     3. How unfortunate!
     4. That’s your problem.

4. สถานการณ์ มิสโจนส์ชึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันกำลังเล่าปัญหาของเธอให้
ทอมมี่ชึ่งเป็นเพื่อนฟัง

มิสโจนส์ : ทอมมี่ กระเป๋าฉันถูกขโมย
ทอมมี่ : เธอรู้ไหมมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่
มิสโจนส์ : ฉันเพิ่งรู้เมื่อสักครู่นี้เอง

คำตอบข้อ A คือ 1
คำตอบข้อ B คือ 3

โจทย์ข้อ A สิ่งที่มิสโจนส์บอกทอมมี่ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับกระเป๋าที่ถูกขโมยเพราะ
มี and เป็นตัวเชื่อมประโยค

ข้อ 1 บอกว่า ฉันสูญหนังสือเดินทางและเงินทั้งหมด ข้อนี้ถูกเพราะเป็นการให้ราย
ละเอียดว่าอะไรหายไปบ้าง
ข้อ 2 บอกว่า ฉันควรเอากระเป๋ามากับตัวด้วย ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นการใช้สมมติฐาน
กับเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วในอดีต ซึ่งจากในบทสนทนาเราทราบว่าเธอเอากระเป๋า
มาด้วยถึงได้ถูกขโมย
ข้อ 3 บอกว่า ฉันสงสัยว่าจะไปหาของส่วนตัวได้ที่ไหน ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่เกี่ยวกับ
เรื่องกระเป๋าที่ถูกขโมย
ข้อ 4 บอกว่า ฉันจำไม่ได้ว่าเก็บหนังสือเดินทางไว้ที่ไหน ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ได้
เกี่ยวกับเรื่องที่กระเป๋าถูกขโมย และไม่ต่อเนื่องกับคำพูดของทอมมี่ที่ตามมา

โจทย์ข้อ B คำตอบควรเป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจของทอมมี่ที่มีต่อเพื่อน
ข้อ 1 บอกว่า “เกิดอะไรขึ้น” ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเพื่อนบอกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ข้อ 2 บอกว่า “น่าอายจริง” ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นการซ้ำเติม ไม่ได้แสดงความเห็นใจ
ข้อ 3 บอกว่า “ช่างเคราะห์ร้ายจริง” ข้อนี้ถูกเพราะเป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจ
ข้อ 4 บอกว่า “นั่นเป็นปัญหาของเธอ” ข้อนี้ไม่ถูกเพราะแสดงความไม่สนใจใยดี
กับเพื่อนเลย



5. Situation : Ploy is a tour guide from TT Tour waiting to meet a customer at
the airport.
          Ploy : You are Mr. Richards, aren’t you? I’m Ploy
                     from TT Tour.
                      .....A
          Mr. Richards: B Have you been waiting long?

A. 1. Here is my friend.
     2. Have a nice trip.
     3. Welcome to Bangkok.
     4. Please follow the way.
B. 1. Thank you.
     2. With pleasure.
     3. Sure, I will.
     4. That’s fine.

5. สถานการณ์ พลอยเป็นมัคคุเทศก์จากทีทีทัวร์กำลังรอลูกค้าอยู่ที่สนามบิน
พลอย : คุณคือคุณมาร์คใช่ไหมค่ะ ดิฉันชื่อพลอยจากทีทีทัวร์ค่ะ A
ริชาร์ด: B คุณมาคอยนานไหมครับ
คำตอบข้อ A คือ 3
คำตอบข้อ B คือ 1
โจทย์ข้อ A คำตอบควรจะเป็นการแสดงการต้อนรับหลังจากที่ได้แนะนำตัวแล้ว
ข้อ 1 บอกว่า นี่คือเพื่อนของฉัน ข้อนี้ไม่ถูกเพราะผิดปกติที่มัคคุเทศก์จะมาแนะนำ
แขกให้รู้จักเพื่อน และไม่ได้บอกว่าเพื่อนชื่ออะไร
ข้อ 2 บอกว่า ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นประโยคที่ใช้อวย
พรคนที่จะเดินทาง ไม่ใช่สำหรับคนที่เดินทางมาถึงแล้ว
ข้อ 3 บอกว่า ยินดีต้อนรับสู่กรุงเทพ ข้อนี้ถูกเพราะเป็นการแสดงการต้อนรับแขกที่มาเยือน
ข้อ 4 บอกว่า โปรดเดินไปตามทาง ข้อนี้ไม่ถูกเพราะมัคคุเทศก์มีหน้าที่ดูแลแขก และคงจะไม่
สั่งให้แขกเดินไปเอง
โจทย์ข้อ B คำตอบที่ถูกจะต้องเป็นคำขอบใจที่มัคคุเทศก์กล่าวคำต้อนรับ
ข้อ 1 บอกว่า ขอบใจ ข้อนี้ถูกเพราะเป็นธรรมเนียมที่ชาวตะวันตกจะกล่าวเมื่อมีคนมาแสดง
การต้อนรับ
ข้อ 2 บอกว่า ด้วยความยินดี ข้อนี้ไม่ถูกเพราะประโยคนี้จะใช้เมื่อมีคนมากล่าวขอบคุณที่เรา
ได้ช่วยเหลือเขา
ข้อ 3 บอกว่า แน่ละ ฉันจะ ข้อนี้ไม่ถูก เพราะไม่สอดคล้องกับบทสนทนา และไม่ทราบว่าฉัน
จะทำอะไร
ข้อ 4 บอกว่า ดีเยี่ยมจริง ๆ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่มีอะไรจะให้กล่าวชม


McIntyre went over her checkbook carefully and realized she was buying 10
books every month. A lifelong reader, she couldn’t wait to rush out and snap up
a new release. “It was a $400-a-year habit,” she says. The worst part was, many
of the books didn’t live up to the reviews and McIntyre gave them away. Now she
gets the latest bestsellers from the local library. “Reading them a little later doesn’t
s p oil the story,” she concludes.
     6. The word “incentive” (line 1) means .
          1. power            2. strength
          3. motivation     4. willingness
      7. The phrase “around the corner” (line 4) as used in this passage means .
          1. nearby              2. at a distance
          3. coming soon    4. not long lasting
      8. According to the passage, in order to save money effectively, one should
.         1. give up all expenses        2. cut the family budget
          3. have a definite objective  4. change one’s lifestyle
       9. The writer compares the intention to save money with .
            1. a school reunion 2. buying and antique
            3. short-term planning 4. losing weight
      10. The advantage of having a definite time limit is that you .
             1. have more willpower to achieve your goal
             2. can give up after a certain time has passed
             3. will get what you want more easily
             4. do not have to give up your intention
       11 . The phrase “That approach” (line 9) refers to .
              1. setting a new objective 2. reapplying the strategy
              3. searching for extra savings 4. working toward a goal
       12. Cynthia McIntyre was trying to save up money for .
              1. hardcover books 2. the latest best sellers
              3. an antique table 4. a kitchen gadget
        13. It can be inferred from the passage that Cynthia McIntyre is a .
              1. bookworm 2. great shopper
              3. librarian 4. book reviewer
        14 . Cynthia achieved her goal because she .
              1. no longer gave away books 2. gave up her reading habit
              3. seldom visited the local library 4. temporarily stopped buying novels
        15. The purpose of the passage is to .
               1. suggest a way to achieve a goal 2. promote the value of money
               3. s upport a search for savings 4. discourage unnecessary spending

ในสองย่อหน้านี้ผู้เขียนยกตัวอย่างกรณีของ Cynthia ที่ต้องการออมเงินเพื่อซื้อโต๊ะโบราณ
ซึ่งราคาแพงเกินงบรายรับรายจ่ายของตัวเอง Cynthia ได้ตรวจสอบการใช้จ่ายของเธอและ
พบว่าเธอใช้เงินซื้อหนังสือในแต่ละเดือนมากมาย เธอจึงหยุดซื้อหนังสือ แต่ขอยืมหนังสือที่
ต้องการอ่านจากห้องสมุดแทนการซื้อ ซึ่งเป็นการลดรายจ่าย เพราะต้องการการออมเงิน

6. The word “incentive” (line 1) means .
  คำว่า “แรงจูงใจ” หมายความว่า
      1. power อำนาจ
      2. strength ความแข็งแรง
      3. motivation พลังขับเคลื่อน
      4. willingness ความเต็มใจ
คำตอบคือ 3 เพราะ motivation มีความหมายสอดคล้องกับ incentive และใช้
แทนกันได้ในประโยคในเนื้อเรื่อง

7 .The phrase “around the corner” (line 3) as used in this passage
`means . วลี “around the corner” (บรรทัดที่ 3) ที่ใช้ในเนื้อเรื่องนี้
หมายความว่า
      1. nearby อยู่ใกล้หรือใกล้เคียง (จะใช้บอกตำแหน่งที่ตั้ง)
      2. at a distance ที่ระยะไกล (บอกระยะทางหรือระยะเวลา)
      3. coming soon กำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้ (ใช้กับเวลา)
      4. not long lasting ไม่ยืนยาว ไม่คงทนถาวร ไม่อยู่นาน

คำตอบคือ 3 around the corner ในเนื้อเรื่องเป็นสำนวนหมายความว่ากำลังจะมาถึง
เร็ว ๆ นี้

8. According to the passage, in order to save money effectively,
one should . ตามเนื้อเรื่อง ในการออมเงินให้ได้ผล เราควรจะ
     1. give up all expenses หยุดการใช้จ่ายทั้งหมด
     2. cut the family budget ตัดงบรายรับรายจ่ายของครอบครัว
     3. have a definite objective มีเป้าหมายที่แน่นอน
     4. change one’s lifestyle เปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต
คำตอบคือ 3 เพราะจากตัวอย่างของแมคอินไทร์ที่แสดงให้เห็นว่าการออมจะได้ผล
ต้องมีเป้าหมายชัดเจน

9. The writer compares the intention to save money with .
  ผู้เขียนได้เปรียบเทียบความตั้งใจในการออมเงินกับ
      1. a school reunion การชุมนุมศิษย์เก่า
      2. buying an antique การซื้อวัตถุโบราณ
      3. short-term planning การวางแผนระยะสั้น
      4. losing weight การลดน้ำหนัก
คำตอบคือ 4ให้ดูจากเนื้อเรื่องในประโยคที่ 3

10. The advantage of having a definite time limit is that you .
  ข้อได้เปรียบในการกำหนดเวลาที่แน่นอนคือ คุณ
        1. have more willpower to achieve your goal มีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุ เป้าหมายมากขึ้น
        2. can give up after a certain time has passed สามารถยุติได้หลังจากเวลาได้ผ่านไประยะหนึ่ง
        3. will get what you want more easily จะได้สิ่งที่คุณต้องการได้ง่ายยิ่งขึ้น
        4. do not have to give up your intention ไม่จำเป็นต้องเลิกล้มความตั้งใจของคุณ
คำตอบคือ 1 จากเนื้อเรื่องในย่อหน้าที่ 2 ประโยคที่ 1

11. The phrase “That approach” (line 8) refers to .
วลี “วิธีการนั้น” (บรรทัดที่ 8) หมายถึง
    1. setting a new objective การกำหนดวัตถุประสงค์ใหม่
    2. reapplying the strategy การนำกลยุทธ์มาใช้อีก
    3. searching for extra savings การหาวิธีที่จะออมเงินให้ได้มากขึ้น
    4. working toward a goal การดำเนินการเพื่อไปสู่เป้าหมาย
คำตอบคือ 4เป็น การองิ ขอ้ มลู ในเนอื้ เรอื่ งจากยอ่ หนา้ ที่ 1 และที่ 2 คอื การทำใหบ้ รรลเุ ปา้ หมายนนั่ เอง

12. Cynthia McIntyre was trying to save up money for .ซินเทีย แมคอินไทร์ พยายามที่จะเก็บเงินสำหรับ
       1. hardcover books หนังสือปกแข็ง
       2. the latest bestsellers หนังสือขายดีเล่มล่าสุด
       3. an antique table โต๊ะโบราณตัวหนึ่ง
       4. a kitchen gadget เครื่องใช้ในครัวชิ้นหนึ่ง
คำตอบคือ 3เป็นข้อมูลในที่อยู่ในย่อหน้าที่ 3 ของเนื้อเรื่อง

13. It can be inferred from the passage that Cynthia McIntyre is a .
จากเนื้อเรื่องอนุมานได้ว่า ซินเทีย แมคอินไทร์ เป็น
             1. bookworm หนอนหนังสือ
             2. great shopper นักซื้อตัวยง
             3. librarian บรรณารักษ์
             4. book reviewer ผู้วิจารณ์หนังสือ
คำตอบคือ 1จากข้อมูลในย่อหน้าที่ 4 ของเนื้อเรื่อง

14. Cynthia achieved her goal because she .
ซินเทียบรรลุเป้าหมายของเธอ เพราะว่าเธอ .
      1. no longer gave away books ไม่ให้หนังสือแก่ผู้อื่นอีกต่อไป
      2. gave up her reading habit เลิกนิสัยการอ่านของเธอ
      3. seldom visited the local library ไม่ค่อยได้ไปห้องสมุดในละแวกบ้าน
      4. temporarily stopped buying novels หยุดซื้อหนังสือนวนิยายชั่วคราว
คำตอบคือ 4เพราะเป็นเหตุผลที่ได้การตีความในเนื้อเรื่องในย่อหน้าที่ 4 ประโยคที่ 5 ที่บอกว่า เธอไป
เอาหนังสือจากห้องสมุดในละแวกบ้านมาอ่าน

15. The purpose of the passage is to .
จุดประสงค์ของเนื้อเรื่องนี้คือ เพื่อ
      1. suggest a way to achieve a goal เสนอแนะวิธีที่จะบรรลุเป้าหมาย
      2. promote the value of money ส่งเสริมค่าของเงิน
      3. support a search for savings สนับสนุนการแสวงหาเงินออม
      4. discourage unnecessary spending ยับยั้งการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
     คำตอบคือ 1เพราะเนื้อเรื่องมีเนื้อหาเกี่ยวกับการแนะวิธีที่จะบรรลุเป้าหมายพร้อมยกตัวอย่าง

No comments:

Post a Comment